อังกฤษเตรียมโหวตกฎหมายใหม่ ทำการุณยฆาตครั้งแรกในรอบ 9 ปี! มาติดตามกันว่าผลโหวตจะเป็นอย่างไร!
อังกฤษได้เตรียมตัวเข้าสู่การลงมติร่างกฎหมายที่อาจเปลี่ยนโชคชะตาของคนพิการและผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่จะทำให้พวกเขามีทางเลือกในการจบชีวิตตนเองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยการอนุญาตการทำการุณยฆาตนั้นจะเปิดให้กับผู้ป่วยที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน หากเขาหรือเธอมีความต้องการจะจบชีวิตในช่วงเวลานั้น
การเมินเฉยจากรัฐบาลในอดีตและเสียงสะท้อนจากสังคมที่เห็นใจผู้ป่วยกลับทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความถูกต้องของการตัดสินใจนี้ ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอังกฤษต้องคิดหนักว่าจะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในยุคที่แนวคิดการรักษาผู้ป่วยมักถูกเปรียบเทียบกับสิทธิและความเป็นอยู่ที่มีคุณค่าของคนแต่ละคน
การเล่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าการุณยฆาตไม่ใช่แค่คำถามทางกฎหมาย แต่ยังเป็นเรื่องของศีลธรรม ความเคารพในชีวิต และความเห็นแก่ตัวระหว่างสิทธิของบุคคลตามความเชื่อในชีวิตและความตาย ผลการลงมติจะมีผลต่อความรู้สึกและความเชื่อของคนในสังคมไม่มากก็น้อย
ไม่แค่ในอังกฤษ ประเทศอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา ก็ได้มีการอนุญาตให้ทำการุณยฆาตในเงื่อนไขที่กำหนดเหมือนกัน ส่วนในประเทศไทย ภายในวงการแพทย์ก็เริ่มมีการพูดคุยเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับสิทธิในการเลือกของผู้ป่วยและความเต็มใจที่จะจากโลกนี้ไปในสภาพที่อาจจะยังไม่พร้อมนัก
ทุกแง่มุมของการอภิปรายนี้มีความสำคัญยิ่ง ดังนั้นจึงอาจเป็นเวลาที่ดีในการพิจารณาว่าท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับการทำการุณยฆาต เพราะมีผู้คนมากมายที่กำลังรอคอยให้มีการส่งเสียงให้กับประชาชนเพื่อกำหนดอนาคตของพระราชบัญญัติการุณยฆาต ไม่ว่าจะเป็นเพียงการเลือกเส้นทางของชีวิตหรือการปิดฉากของมันอย่างสง่างาม
สมาชิกรัฐสภาอังกฤษเตรียมลงมติร่างกฎหมายอนุญาตการทำการุณยฆาตในวันนี้ (29 ก.ย.) โดยจะพิจารณาว่าควรอนุญาตให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือนสามารถเลือกที่จะจบชีวิตตนเองได้หรือไม่.
วันนี้ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ จะพิจารณาสนับสนุนร่างกฎหมายการุณยฆาต ว่าด้วยการอนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน และมีสติสัมปชัญญะดี ในอังกฤษและเวลส์ ...
สมาชิกรัฐสภาอังกฤษได้ให้การอนุมัติเบื้องต้นต่อร่างกฎหมายที่จะช่วยให้ผู้ใหญ่ที่ป่วยระยะสุดท้ายสามารถยุติชีวิตของตนเองในอังกฤษและเวลส์.