ลิเวอร์พูลหวนคืนสู่อ้อมกอดอาดิดาส สร้างรายได้มหาศาล 2,600 ล้านบาทต่อปี! มาอ่านรายละเอียดกัน!
ลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลระดับตำนานจากอังกฤษ เพิ่งประกาศข่าวดีสุดเซอร์ไพรส์แฟนบอล เมื่อพวกเขาตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับไนกี้ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุปกรณ์กีฬา สู่การเริ่มต้นใหม่กับอาดิดาส แบรนด์กีฬาระดับโลกที่แฟนบอลรู้จักและรักกันเป็นอย่างดี!
การเซ็นสัญญานี้จะเริ่มใช้ในฤดูกาล 2025/26 โดยลิเวอร์พูลจะเพลิดเพลินกับการรับทรัพย์จากอาดิดาสถึงปีละ 60 ล้านปอนด์ หรือมากกว่า 2,600 ล้านบาท ทำให้สโมสรสามารถเสริมความแข็งแกร่งทั้งในและนอกสนามได้อย่างมากมาย ทีมงานจะตั้งใจเพื่อสร้างสรรค์ชุดแข่งขันที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานด้วย
อาดิดาส ต่างเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับลิเวอร์พูลในให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์และเสริมสร้างชื่อเสียงของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าแฟนบอลจะมองไปที่ผลิตภัณฑ์ใด จะเจอความสร้างสรรค์ และคุณภาพที่ไม่มีที่เปรียบได้
การคืนสู่สู่อ้อมกอดของอาดิดาสนี้ยังถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการร่วมพัฒนาทีมในอนาคต โดยเฉพาะการสร้างสนับสนุนที่แข็งแกร่งและดูแลนักเตะอย่างมีคุณภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายในวงการฟุตบอลระดับสูง!
ฟีตแบ็กจากแฟนบอลมีความผสมผสานกันหลายประเภท บางคนรู้สึกดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนที่นึกถึงวันเก่าๆ กับไนกี้ที่พวกเขาคุ้นเคย สัญญานี้ทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจสร้างแรงกระตุ้นให้นักเตะมีความพยายามมากขึ้นในสนาม
อย่างไรก็ตาม อาดิดาสเองเคยเป็นสปอนเซอร์ให้กับลิเวอร์พูลในช่วงปี 2000-2002 ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้จึงมีความหมายมากมายสำหรับทั้งสองฝ่าย การกลับมาร่วมงานกันนี้อาจหมายถึงการคืนชีพของจิตวิญญาณฟุตบอลที่เต็มเปี่ยม!
นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่โชว์ชุดแข่งขันที่ถูกออกแบบโดยอาดิดาส นี่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลของอังกฤษก็เป็นได้! และขอย้อนกลับไปถึงช่วงปีที่ลิเวอร์พูลเคยคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในชุดอาดิดาส ซึ่งสร้างความทรงจำอันแสนหวานแก่แฟนบอลทั่วโลก!
หงส์แดง ลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลระดับตำนาน ตัดสินใจสลัด "ไนกี้" ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุปกรณ์กีฬาจากสหรัฐอเมริกา หันไปซบอก "อาดิดาส"
ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กลับมาสวมชุดแข่งแบรนด์ อาดิดาส ฤดูกาล 2025/26 หลังทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มูลค่าปีละ 60 ล้านปอนด์ (มากกว่า 2600 ล้านบาท) เดอะ ...