กมลาแฮร์ริส

แฮร์ริส vs ทรัมป์: สงครามวาทะที่ฮาไม่ออก!

เมื่อ กมลา แฮร์ริส ท้า ทรัมป์ ดูผลตรวจสุขภาพ เรียกเสียงฮือฮาในเวทีเลือกตั้ง! ว่าแต่คุณคิดอย่างไร ฝ่ายไหนเป็นคอมมิวนิสต์?

ระหว่างที่ทั่วโลกกำลังจับตามองการแข่งขันการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ และ กมลา แฮร์ริส ต่างเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ด้วยวาทกรรมที่น่าสนใจและตื่นเต้น ในหนึ่งในเสวนาที่ทรัมป์กล่าวปราศรัยว่า แฮร์ริสนั้น "คอมมิวนิสต์เต็มตัว" ทำให้เกิดเสียงหัวเราะและความงงงวยในการรายงานข่าวซึ่งเรี่องเคยเป็นกันเพียงในหนังตลกหรือละครแนวการเมืองเท่านั้น นี่คือการเลือกตั้งที่ซับซ้อนที่คนทั้งโลกเฝ้ารอคอยว่าใครจะเป็นผู้นำคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา!

สำหรับ กมลา แฮร์ริส ได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความเป็นผู้นำเมื่อเธอท้าให้ ทรัมป์ เปิดเผยผลตรวจสุขภาพ ที่จะช่วยสร้างความโปร่งใสในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเธอได้ประกาศผลตรวจสุขภาพของตนเองซึ่งยืนยันได้ว่าเธอมีสุขภาพดีและเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ประธานาธิบดี แฮร์ริสได้ตั้งใจที่จะกดดันให้ทรัมป์ตอบสนองต่อการท้าทายนี้ อาจทำให้ผู้ที่สนใจในการเลือกตั้งรู้สึกตื่นเต้นไปกับความพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นี้ สารเล่าเรื่องที่มาจากขำและความจริงเริ่มก่อตัวขึ้น!

จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน บ่งชี้ว่าคะแนนความนิยมระหว่างทรัมป์และแฮร์ริสอยู่ในสภาวะที่ใกล้เคียงกันทั่วทั้ง 7 รัฐสมรภูมิที่จะตัดสินผลเลือกตั้ง การที่คะแนนเสียงดูจะแบ่งอย่างสมดุลระหว่างสองฝ่ายนี้ สร้างบรรยากาศของการแข่งขันในระดับสูงที่ไม่เหมือนเส้นแข่งในสนามกีฬา ที่ผู้ชมลุ้นระทึกว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไรในวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แฟน ๆ การเมืองจะต้องเฝ้าติดตามด้วยใจจดจ่อ!

ล่าสุดรัสเซียยังได้แสดงความเห็นต่อแฮร์ริส โดยระบุว่า การที่เธอใช้ถ้อยคำรุนแรงในการเรียกผู้นำรัสเซียบ่งชี้ถึง "ธาตุแท้การเมืองของสหรัฐ" ทำให้เกิดคำถามว่าเราจะเห็นทางเลือกทางการทูตที่มีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในการเติบโตของการเมืองโลก? ไม่เพียงแค่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นโอกาสที่จะได้เห็นมนุษยชาติเดินก้าวไปข้างหน้าอีกด้วย!

**ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ:** นอกจากการเมืองในสหรัฐ คุณรู้ไหมว่า กมลา แฮร์ริสยังเป็นหญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา? ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าในด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังมีข่าวดีว่า ผลสำรวจบางส่วนแสดงว่าประชาชนร้อยละ 60 มีความคิดว่าการมีผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ!

**อีกหนึ่งความบันเทิง:** สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่เขาเคยเป็นประธานาธิบดี ถือว่าเป็นช่วงจุดเด่นของคําพูดและท่าทางที่มีสีสัน ตั้งแต่คำว่า "Fake News" ที่กลายเป็นศัพท์ฮิตในวงการข่าวสาร ทำให้การเมืองกลายเป็นดราม่าที่ทั้งโลกต้องพูดถึงอย่างต่อเนื่อง!