กรมสรรพากร

คลังสั่งจัดการ "Temu" อย่าให้แพลตฟอร์มจีนหลบภาษี!

รัฐบาลไทยไม่ยอมให้ "Temu" หนีภาษี! มาดูกันว่าการบังคับใช้ภาษีจะมีผลกระทบอย่างไรต่อเอสเอ็มอีและผู้ใช้ในไทย!

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการเปิดเผยแผนการที่จะดึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีน "Temu" เข้ามาอยู่ภายใต้ระบบการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งการตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การค้าเป็นไปอย่างเท่าเทียมกันและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษีจากแพลตฟอร์มต่างชาติ

สำหรับ "Temu" แพลตฟอร์มที่เพิ่งเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในแวดวงอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากความหลากหลายของสินค้าและราคาที่ค่อนข้างดึงดูดใจผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงกังวลสำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในประเทศที่ต้องการให้ภาครัฐดำเนินการเพื่อปกป้องธุรกิจของตน

จุลพันธ์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้ามาของ Temu นั้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SME จะต้องมีการดูแลและหาทางออกสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของธุรกิจข้ามชาติ ทำให้ต้องมีการประชุมร่วมกับกรมสรรพากรและสมาคมผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อหาทางร่วมกันในการจัดการภาษีอย่างเป็นธรรม

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่าง Temu กับกรมสรรพากร เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อนาคตของการค้าออนไลน์ในไทยจึงขึ้นอยู่กับการปรับตัวและการบูรณาการระบบภาษีที่มีความทันสมัยเรียบร้อย รวมทั้งมีการร่วมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ลูกค้าที่ใช้ Temu จะไม่รู้สึกถึงแรงกดดันจากการเก็บภาษีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

**เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Temu** ก็คือ แพลตฟอร์มนี้มีสินค้าจากผู้ขายในจีนที่มีราคาต่ำ แต่ความกังวลคือคุณภาพและบริการหลังการขาย อีกทั้ง Temu ยังไม่มีสำนักงานในไทย จึงเป็นความท้าทายสำหรับรัฐบาลในการจัดการกับภาษีนี้

อย่างไรก็ตาม การป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับการเก็บเงิน แต่ยังเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศ เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า Temu จะสามารถตอบสนองความต้องการตามนโยบายภาษีได้อย่างไรในอนาคต!